วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558

พิธีการตั้งเสาเอก

G&G All Engineering Co.,LTD
บริษัท จี แอนด์ จี ออลล์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
        รับสร้างอพาร์ทเม้นท์ รับสร้างบ้าน และอาคารทุกประเภท ด้วยทีมงานมืออาชีพ ประสบการณ์สูง 
        ควบคุม งานโดยวิศวกรโยธา
______________________________________________________________________________



เวลาเริ่มการก่อสร้างสำหรับบ้าน หรืออาคาร บางหลัง พิธีการต่างๆตามความเชื่อ มีความสำคัญมากเลยทีเดียว มีหลายแบบ หลายพิธีมาก
มีทั้งพิธีลงเข็ม(เข็มเอก), วางศิลาฤกษ์, ตั้งเสาเอก, ไหว้บอกกล่าวเจ้าที่, ไหว้เทวดา, ไหว้ครูแม่บันได(อันนี้เคยเห็น ช่างจากบุรีรัมย์ ขอให้เจ้าของบ้านทำพิธีเพื่อที่จะทำบันไดได้อย่างราบรื่น และเหมือนกับเป็นการบอกกล่าวแม่บันได ตามความเชื่อของเขา), ฯลฯ ส่วนพิธีการก็มีหลายแบบหลายวิธี มากทั้ง โยนเหรียญ ทอดแห ตั้งประลำพิธีบ้าง ตั้งโต๊ะไหว้เฉยๆบ้าง เคยครั้งนึงเจ้าของบ้านไป เชิญ พราหมหลวง คนที่ทำพิธีแรกนาขวัญ กับโล้ชิงช้า มาทำพิธีตั้งเสาเอกให้บ้านของเขา ขอบอกว่าอลังการมาก มีทั้ง บัณเฑาะห์ สังห์มาเป่า แต่ค่าใช้จ่ายของท่านพราหมไม่ได้แพงอะไรเลยครับ ใครสนใจก็ลองติดต่อดูที่ โบสถ์พราหม ข้างๆเสาชิงช้าดูครับ ที่นั่นเขาให้คำแนะนำได้ดีมาก
     ส่วนที่เก็บมาฝากวันนี้จะมี รายละเอียดเรื่องตั้งเสาเอก และก็วิธีวาง ศิลาฤกษ์


พิธีตั้งเสาเอก
     ปลูกเรือนตามเดือน เดือนดีคือ 6,9,12,1,2,4(เดือนไทย)
     ปลูกเรือนตามวัน จันทร์,พุธ,พฤหัสบดี เป็นวันดี

จากมหาหมอดู
     เป็นข้อยกเว้นที่ห้ามใช้ฤกษ์สำหรับคนเกิดวันต่างๆ ถึงจะมีในรายการฤกษ์ข้างบนก็ห้ามใช้เด็ดขาด เพราะเป็นวันศัตรูและกาลกิณีกับวันเกิด
     1. ผู้เกิดวันอาทิตย์ ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันศุกร์และวันอังคาร
     2. ผู้เกิดวันจันทร์ ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันอาทิตย์และวันพฤหัสบดี
     3. ผู้เกิดวันอังคาร ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันจันทร์และวันอาทิตย์
     4. ผู้เกิดวันพุธ (กลางวัน) ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันพุธ (กลางคืน)
     5. ผู้เกิดวันพฤหัสบดี ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันเสาร์
     6. ผู้เกิดวันศุกร์ ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันพุธ (กลางคืน) และวันเสาร์
     7. ผู้เกิดวันเสาร์ ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันพุธ (กลางวัน) และวันศุกร์
     8. ผู้เกิดวันพุธ (กลางคืน) ห้ามใช้ฤกษ์ที่เป็นวันพฤหัสบดีและวันพุธกลางวัน


ของใช้ในพิธี
    จัดโต๊ะหมู่บูชา ๑ ชุด พร้อมเครื่องสักการะ (ถ้าประสงค์)
    จตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระ ๑ ชุด (กรณีนิมนต์พระมาประพรมน้ำมนต์ที่หลุม และเจริญชัยมงคลคาถา)
    เครื่องบูชาฤกษ์หรือสังเวยเทวดา (จัดย่อส่วนก็ได้ ดูพิธีวางศิลาฤกษ์)
    ใบทอง นาก เงิน อย่างละ ๓ ใบ
    เหรียญทอง เงิน อย่างละ ๙ เหรียญ
    ทรายเสก ๑ ขัน
    น้ำมนต์ ๑ ขัน (พร้อมกำหญ้าคา ๑ กำ)
    ด้ายสายสิญจน์ ๑ ม้วนเล็ก
    ทองคำเปลว ๓ แผ่น
    ผ้าแพรสีแดง ห่มเสา หรือผ้าขาวม้า ๑ ผืน
    หน่อกล้วย อ้อย อย่างละ ๑ หน่อ
    ไม้มงคล ๙ ชนิด (ถ้าประสงค์)
    แผ่นทอง นาก เงิน อย่างละ ๑ แผ่น
    ข้าวตอกดอกไม้ ๑ ขัน

ลำดับพิธี
    วางสายสิญจน์ เริ่มจากโต๊ะบูชาไปโต๊ะสังเวยขวาบริเวณสถานที่ก่อสร้างเข้าสู่เสาเอก (ก่อนเวลาฤกษ์พอสมควร)
    เจ้าภาพจุดเทียนธูปที่โต๊ะหมู่บูชา อธิษฐานเพื่อเกิดสิริมงคล กราบพระ
    จุดเทียนธูปที่โต๊ะสังเวย บูชาเทวดาให้คุ้มครอง
    พิธีกรกล่าวสังเวยเทวดา
    เจ้าภาพตอกไม้มงคล ๙ ชนิด (ถ้ามี)
    วางแผ่นทอง นาก เงินในหลุมเสาเอก (ถ้ามี)
    นำใบทอง นาก เงิน และเหรียญทอง เงิน ลงก้นหลุมแล้วนิมนต์พระสงฆ์ประพรมน้ำมนต์
    โปรยทรายเสกที่หลุมเสา
    เจิมและปิดทองเสาเอก
    ผูกหน่อกล้วย อ้อย และผ้าสีแดงหรือผ้าขาวม้าที่เสาเอก
    ถือด้ายสายสิญจน์ พร้อมทั้งญาติมิตรผู้ร่วมพิธี
    ช่าง ช่วยกันยกเสาเอก จนตั้งเรียบร้อย (ขณะยกเสานั้นพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา) (ถ้ามี)
    เจ้าภาพโปรยข้าวตอกดอกไม้ลงหลุมเสาเอก พร้อมทั้งญาติมิตรผู้ร่วมพิธี เสร็จพิธี
หมายเหตุ
    ถ้ายกเสาเอกในเดือนอ้าย ยี่ สาม เสาเอก อยู่ทิศอีสาน
    ถ้ายกเสาเอกในเดือน ๔ - ๕ - ๖ เสาเอก อยู่ทิศอาคเนย์
    ถ้ายกเสาเอกในเดือน ๗ - ๘ - ๙ เสาเอก อยู่ทิศหรดี
    ถ้ายกเสาเอกในเดือน ๑๐ - ๑๑ - ๑๒ เสาเอก อยู่ทิศพายัพ
    เมื่อธูปที่โต๊ะสังเวยไหม้หมดดอก ให้ลาเครื่องสังเวยได้ว่า "เสสัง มังคะลัง ยาจามิ"
    หน่อกล้วย อ้อย เมื่อช่างเอาลงจากเสาแล้ว ให้นำไปปลูกไว้ในที่ต้องการ เพื่อเสี่ยงทายว่าจะงอกงามเพียงใด
    ถ้าจัดโต๊ะสังเวยไม่ได้ จะจัดเป็นสำรับบูชาพระภูมิเจ้าที่ธรรมดาก็ได้ และสิ่งประกอบอื่น ๆ
    ก็เลือกเอาเท่าที่จำเป็นและหาได้ง่าย
    ไม้มงคล 9ชนิด ซื้อได้ตามร้านสังฆภัณฑ์ หรือแถวๆเสาชิงช้า

ไม้มงคลที่ใช้ในพิธีวางศิลาฤกษ์
     ใน การก่อสร้างอาคารบ้านเรือน ก่อนทำการก่อสร้างนิยมทำพิธีวางศิลาฤกษ์โดยใช้ไม้มงคล 9 ชนิด ปักกับพื้นดินไม้ทั้ง 9 ชนิดมีชื่อเป็นมงคลนาม ดังนี้
     1. ไม้ราชพฤกษ์ หมายถึง ความเป็นใหญ่และมีอำนาจวาสนา
     2. ไม้ขนุน หมายถึง หนุนให้ดีขึ้นร่ำรวยขึ้น ทำอะไรจะมีผู้ให้การเกื้อหนุน
     3. ไม้ชัยพฤกษ์ หมายถึง การมีโชคชัย ชัยชนะ
     4. ไม้ทองหลาง หมายถึง การมีเงินมีทอง
     5. ไม้ไผ่สีสุก หมายถึง มีความสุข
     6. ไม้ทรงบาดาล หมายถึง ความมั่นคง หรือทำให้บ้านมั่นคงแข็งแรง
     7. ไม้สัก หมายถึง ความมีศักดิ์ศรี ความมีเกียรติ
     8. ไม้พะยูง หมายถึง การพยุงฐานะให้ดีขึ้น
     9. ไม้กันเกรา หมายถึง ป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ หรืออีกชื่อหนึ่งว่าตำเสา ซึ่งอาจหมายถึง ทำให้เสาเรือนมั่นคง
     ไม้ มงคลเหล่านี้จะลงอักขระที่เรียกว่า หัวใจพระอิติปิโส ได้แก่ อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ ลงบนท่อนไม้ชนิดละอักขระ พร้อมทั้งปิดทองทั้ง 9 ท่อน โดยปักวนจากซ้ายไปขวา (ทักษิณาวรรต)
ปีที่ปลูกเรือนเสริมสิริมงคล


ปลูกเรือนปีชวด
     ยกเสาเอก จงเอาไม้ราชพฤกษ์ปักเสามุมแรก ก่อนยกเสาเอกเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย และโปรยดอกไม้ 3 สี สีที่เป็นสิริมงคล ดอกกุหลาบ ดอกรัก ดอกพุทธ และบวงสรวงด้วย กล้วยที่เป็นมิ่งขวัญปีเกิด จะทำให้ อยู่เย็นเป็นสุข ทำมาหากินเจริญขึ้นนักแล

ปลูกเรือนปีฉลู
     ยกเสาเอกจงเอากล้วยและผ้าขาว พันเสาเอก เอากิ่งมะตูม 3 กิ่ง ปักที่เสาเอก และบวงสรวงด้วยลูกตาล ขนมฝอยทอง จะทำให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้าบ้านและมีความสุขความเจริญ

ปลุกเรือนปีขาล
     ยกเสาเอกจงเอาข้าวสุก 3 กระทง และน้ำ 3 ขัน ขันเงิน ขันทอง ขันนาก รดที่ต้นเสาก่อนแล้วโปรย ดอกไม้ 3 ชนิด ดอกดาวเรือง ดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย เพื่อเป็นเคล็ดให้ร่ำรวย อยู่เย็นเป็นสุข

ปลูกเรือนปีเถาะ
     ยกเสาเอก จงเอาใบตะเคียน ใบเฉียง ใบพร้าหอม ต้นกล้วย 1 ต้นห่อปลายเสา แล้วบวงสรวงด้วย หมูย่าง ปลายำ จะทำให้รุ่งเรืองนักแล

ปลูกเรือนปีมะโรง
     ยกเสาเอก จงเอาใบมะกรูด และกำยานพันปลายเสาก่อนแล้วจึงยกเสาเอก แล้วโปรยดอกไม้มงคล 7 ชนิด ดอกรัก ให้รักใคร่กัน ดอกดาวเรือง ให้เจริญรุ่งเรือง ดอกบัว ให้มีคนนับถือ ดอกกุหลาบ ให้สุขสด ชื่น ดอกบานไม่รู้โรย ให้มั่งมีอย่างไม่รู้โรย ดอกพุทธ ให้พระคุ้มครอง ดอกมะลิิ ให้อยู่เย็นเป็นสุข อธิษฐาน จะทำให้ร่ำรวย มั่งมี เป็นสุขตลอดไป

ปลูกเรือนปีมะเส็ง
     ยกเสาเอก จงเอาใบสิงห์ 2 กิ่ง ผูกที่ปลายเสา และข้าว 3 กระทง ธูปเทียนจุดบูชา ทั้งบูชาดอกกุหลาบ พวงมาลัย มะลิสด ดอกรัก น้ำเย็น 6 ขัน แล้วพูดว่า มั่ง มี ศรี สุข ใช่ จึงยกเสาเอก จะทำให้รุ่งเรืองขึ้น

ปลูกเรือนปีมะเมีย
     ยกเสาเอก จงเอาใบขี้เหล็ก กวาดตั้งแต่ปลายเสาลงมาถึงโคนเสา 3 ครั้งแล้วเอาน้ำรดปลายเสา ให้อด ใจรอจนถึงเวลาไก่ขัน และบวงสรวง กล้วย มะพร้าว ส้ม จงลงเสาเอก จึงจะร่มเย็นเป็นสุข

ปลูกเรือนปีมะแม
     ยกเสาเอก จงเอาใบเงิน 3 ใบ หมากผู้ 3 ใบ หมากเมีย 3 ใบ แล้วเอาใบทั้งกล้วยอ้อยใส่ลงไปในหลุม ก่อน แล้วจึงยกเสาเอก แล้วบวงสรวง กล้วย อ้อย มะพร้าว ขอพรจะเสริมสิริมงคลให้มีโชคลาภตลอดไป

ปลูกเรือนปีวอก
     ยกเสาเอก จงเอาเทียน 3 เล่ม แปะทองผูกข้างเสาด้านหัวนอนก่อน และนำใบเงิน ใบทอง ใบนาก ลงฐานหลุมแล้วจึงยกเสาเอก จะทำให้มั่งมี ศรีสุข ตลอดกาล

ปลูกเรือนปีระกา
     ยกเสาเอก จงเอาข้าวตอกกับใบบัวบก มาใส่รองรับเอาไว้ในหลุมเสาเอก และเสารอง หรือใส่ให้ครบ 4 ทิศ จะเสริมมงคลให้อยู้ร่มเย็นเป้นสุข และบวงสรวงด้วย ข้าว แกง แอปเปิล ดอกบัวหลวง ขอพร จะทำให้มั่งมีศรีสุข

ปลูกเรือนปีจอ
     ยกเสาเอก จงเอาข้าวตอกกับใบบัวบก มาใส่รองรับเอาไว้ในหลุมเสาเอก หรือใส่ให้ครบ 4 ทิศ และบูชา ด้วยดอกบัวเหลวง จะทำให้มีคนอุปถัมภ์ดีนักแล

ปลูกเรือนปีกุน
     ยกเสาเอก จงเอาดอกชบา 1 ดอก และดอกบัวอีก 1 ดอก ใส่หลุมเสาเอก แล้วลงเสาเอก ฤกษ์ 9.09น. จะทำให้มีความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

หากคุณจะสร้างบ้านเรือน และยกเสาเอก ควรกระทำให้ถูกตามตำราดังนี้
     ยกเสาเรือนเดือน ๔, ๕, ๖ ให้ยกเสาเอกทางทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้) จะเกิดโชคลาภ เป็นสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย
     ยกเสาเรือนเดือน ๗, ๘, ๙ ให้ยกเสาเอกทางทิสหรดี (ตะวันตกเฉียงใต้) ผู้อยู่อาศัยในเรือน ปลอยภัยไร้โรคภัย มีโชคลาภดีนักแล
     ยกเสาเรือนเดือน ๑๐, ๑๑, ๑๒ ให้ยกเสาเอกทางทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ) จะเกิดสิริมงคล พ้นเคราะห์ภัย ไม่อับจน
     ยกเสาเรือนเดือน ๑, ๒, ๓ ให้ยกเสาเอกทางทิศอีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ) จะอยู่ดีกินดี เป็นมหาสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัยเรือนนั้น

     หมายเหตุ: โบราณาจารย์ทั้งหลายท่านว่าไม่ควรปลูกเรือน สร้างบ้านที่อยู่อาศัย ในเดือน ๑, ๓, ๕, ๗, ๘, ๑๐, ๑๑ เดือนที่ควรปลูกเรือนคือเดือน ๒, ๔, ๖, ๙, ๑๒
หลังจากทำบุญทุกครั้ง ควรแผ่เมตตาหรือกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญให้เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ด้วย




     อ้างอิงและข้อเสนอแนะของผม : ต้องขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วยนะครับ เพราะผมไม่ได้บันทึกการอ้างอิงไว้ว่าผมเซพข้อมูลมาจากที่ไหน ดังนั้นเวลานำไปใช้งานให้ ตรวจสอบกับผู้รู้อีกทีนะครับว่าตรงกันไหม โดยผมไม่ได้แก้ไขข้อความด้านบนเลยครับ แต่ก็อย่างว่าครับพิธีการอย่างนี้มันมีหลายครู หลายอาจารย์ แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคลเขียนโดย สุระพงศ์ on วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ป้ายกำกับ: ก่อนการก่อสร้าง, ก่อนสร้างบ้าน, พิธีตั้งเสาเอก แหล่งที่มา: my-construction-knowledge.blogspot.com
__________________________________________________________________________
G&G All Engineering Co.,LTD
รับสร้างอพาร์ทเม้นท์ รับสร้างบ้าน และอาคารทุกประเภท
Email : gg.allengineer@gmail.com  /  www.ggallengineer.com  /  https://www.facebook.com/ggeconstruction/

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

เสาเข็ม มีกี่ชนิด แล้วบ้านเราจะใช้เสาเข็มอะไรดี ???

G&G All Engineering Co.,LTD
บริษัท จี แอนด์ จี ออลล์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
        รับสร้างอพาร์ทเม้นท์ รับสร้างบ้าน และอาคารทุกประเภท ด้วยทีมงานมืออาชีพ ประสบการณ์สูง 
        ควบคุม งานโดยวิศวกรโยธา
__________________________________________________________________________
ส่วนประกอบอย่างแรกสุดเมื่อเรื่มปลูกสร้างก็คือ เสาเข็ม ซึ่งมีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งเช่นเดียวกัน โครงสร้างบ้านแข็งแรงเพียงใด แต่หากเสาเข็มไม่แข็งแรง บ้านก็ไม่ปลอดภัย  เรามารู้จักกันว่าเสาเข็มมีกี่ชนิด และจะเลือกใช้อย่างไร
      เสาเข็มโดยทั่วไปจะแยกออกได้เป็นสำคัญ 2 ประเภทคือ เสาเข็มตอก และ เสาเข็มเจาะ ส่วนเสาเข็ม พิเศษอื่น ๆ เช่น Micro Pile นั้น เหมาะกับงานที่พื้นที่ค่อนข้างจำกัดมากหรืองานประเภทซ่อมแซมต่อเติม
      1.เสาเข็มตอก  

  1. คือการใช้ปั้นจั่นตอกเสาเข็มลงไปในดินจนได้ความลึกที่ต้องการ เป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเนื่องจากวิธีการก่อสร้างไม่ซับซ้อนและค่าใช้จ่ายไม่สูง แต่มีข้อจำกัดในการก่อสร้างในพื้นที่ที่มีอาคารรอบข้าง เนื่องจากแรงสั่นสะเทือนในการตอกและการเคลื่อนตัวของดินที่ถูกแทนที่ด้วยเสาเข็ม อาจทำให้สิ่งปลูกสร้างข้างเคียงสะเทือนและเกิดรอยร้าวได้  เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง(เสาเข็มตอก) สามารถแบ่งแยกย่อยออกไปได้อีกตามรูปร่างลักษณะของเสาเข็ม ที่ใช้กัน แพร่หลายได้แก่
    1. เสาเข็มรูปตัวไอ
    2. เสาเข็มสี่เหลี่ยมตัน
    3. เสาเข็มหกเหลี่ยมหรือแปดเหลี่ยมชนิดกลวง
    4. เสาเข็มรูปตัวที

       2. เสาเข็มแบบเจาะแห้ง 
เป็นระบบเสาเข็มเจาะขนาดเล็ก ส่วนใหญ่จะลึกไม่เกิน 21 เมตร (แล้วแต่ระดับ ชั้นทราย) วิธีการคือเจาะดินลงไป (แบบแห้ง) แล้วก็หย่อนเหล็กเทคอนกรีตลง ไปในหลุม ราคาจะแพงกว่าระบบเข็มตอก แต่เกิดมลภาวะน้อยกว่ามาก ทั้งเรื่องการเคลื่อนตัวของดิน ความสั่น สะเทือน ฝุ่นละออง จึงเป็นที่นิยมใช้ในที่ที่มีคนอยู่หนาแน่น
    



   3. เสาเข็มเจาะแบบเปียก


ทำเหมือนเสาเข็มเจาะแห้ง แต่เวลาขุดดินจะขุดลึกๆ แล้วใส่สารเคมี(สารละลายเบนโทไนท์)ลงไปเคลือบผิวหลุมดินที่เจาะ ทำหน้าที่เป็นตัวยึดประสานดินและดันดินไม่ให้พังทลายลงเวลาเจาะลึก ๆ (ซึ่งสามารถ เจาะได้ลึกถึงกว่า 70 เมตร) รับน้ำหนักได้มากและเกิดมลภาวะน้อย ราคาแพง
       4.เสาเข็มเจาะเสียบ
            เป็นอีกอีกวิธีหนึ่งที่นำมาใช้เพื่อลดปัญหาเนื่องจากการสั่นสะเทือนจากการตอกเสาเข็ม มีหลักการทำงานโดยใช้รถติดเครื่องเจาะกดเสาเข็มแทนการใช้ปั้นจั่นตอก โดยเสาเข็มที่ใช้เป็นคอนกรีตกลมแรงเหวี่ยงชนิดอัดแรง ซึ่งตรงกลางเสาเข็มมีรูสำหรับใส่ตอกสว่านเจานำดินขึ้นมา วิธีนี้สามารถป้องกันการเกิดแรงดันดินอันเนื่องจากการแทนที่ของเสาเข็ม เสาเข็มเจาะเสียบมีคุณสมบัติดีกว่าเข็มเจาะ เพราะสามารถควบคุมคุณภาพของเสาเข็มได้จากโรงงาน
            เสาเข็มกลมแรงเหวี่ยงชนิดอัดแรง ผลิตได้จากหลักการเหวี่ยงคอนกรีตรอบตัวเอง ซึ่งแรงหนีศูนย์กลางของคอนกรีตจะอัดคอนกรีตให้แน่นเป็นวงกลมรอบเสาเข็มส่วนที่เป็นน้ำจะถูกกดดดันให้อยู่ด้สนใน การเหวี่ยงคอนกรีตทำให้อัตราส่วนน้ำต่อซีเมนต์ ลดต่ำกว่าการทำให้แน่โดยวิธีทั่วไป ทำให้คอนกรีตมีกำลังสูง มีความต้านทานต่อการกัดกร่อนได้ดี และเนื่องจากคอนกรีตมีกำลังสูงจึงสามารถต้านทานแรงกดได้ดีกว่าเสาเข็มอื่นบางชนิด รอยต่อใช้แผ่นเหล็ก เชื่อมต่อกันระหว่างเสาทำให้มีกำลังสูงกว่าตัวเสา เสากลมแรงเหวี่ยงให้หน้าตัดรูปทรงกลมซึ่งเป็นหน้าตัดที่ประหยัด คือ อัตราเพิ่มของโมเมนต์ของความเฉื่อยมีมากกว่าอัตราเพิ่มของพื้นที่หน้าตัดเมื่อเปรี่ยบเทียบกับเสาตัน
เครื่องจักรที่ใช้ในการทำเสาเข็มเจาะเสียบ
  1. Pile Diver เป็นรถที่ก่อสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการตอกเสาเข็มแทนการใช้ปั้นจั่น เหมาะกับพื้นที่คับแคบส่วนตัวรถจะมี Load สำหรับแขวนเครื่องเจาะกด หรือ Diesel Hammer
  2. Diesel Pile Hammer ใช้สำหรับการตอกย้ำเสาเข็มในช่วงสุดท้ายให้ได้ระดับ
  3. Back Hoe รถสำหรับตักดิน ที่เกิดจากการเจาะโดยทำการตักดินออกไปจากพื้นที่ก่อสร้าง
  4. อุปกรณ์การเจาะกดซึ่งประกอบด้วยสว่านเจาะดิน มอเตอร์ ขับสว่านและชุดกดเสา
ระบบการทำงานของเสาเข็มเจาะเสียบ
  1. Partial Auger Press คือ เมื่อเจาะดินไปได้ระดับหนึ่งแล้ว ใช้ Diesel Pile Hammer หรือ Drop Hammer ตอกย้ำจนถึงระดับที่ต้องการ การตอกในช่วงสุดท้ายนี้ก็เพื่อให้ดินเข้าไปแทนที่ในรูเสาช่วงล่างซึ่งจะเป็นการเพิ่มพื้นที่หน้าตัดเสา ปละปลายเสาจะลงไปอยู่ในบริเวรดินแข็ง ซึ่งพ้นจากบริเซรที่ถูกเจาะด้วยสว่านช่วยลดการทรุดตัวในระยะเริ่มแรก
  2. Full Auger Press เป็นการทำ Auger Press ตลอดทั้งต้นโดยไม่ใช้การตอกเลยวิธีนี้จะใช้กรณีที่ไม่ต้องการให้มีการสั่นสะเทือนเลย
  ส่วน การเลือกว่าจะใช้เข็มแบบไหนดีนั้น ต้องตั้งข้อสังเกตและปัญหาก่อนแล้วเปรียบเทียบความจำเป็น- ความเป็นไปได้ของแต่ละระบบในแต่ละงานโดยยึดถือข้อหลักประจำใจในการพิจารณาดังนี้ 
ก) ราคา 
ข) บ้านข้างเคียง (มลภาวะ) 
ค) ความเป็นไปได้ในการขนส่งเข้าหน่วยงาน 
ง) เวลา ทั้งเวลาทำงาน และเวลาที่ต้องรอคอย
______________________________________________________________________________
G&G All Engineering Co.,LTD
รับสร้างอพาร์ทเม้นท์ รับสร้างบ้าน และอาคารทุกประเภท
Email : gg.allengineer@gmail.com  /  www.ggallengineer.com  /  https://www.facebook.com/ggeconstruction/

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558

สัญญาน่ารู้สำหรับงานก่อสร้าง

G&G All Engineering Co.,LTD
บริษัท จี แอนด์ จี ออลล์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
        รับสร้างอพาร์ทเม้นท์ รับสร้างบ้าน และอาคารทุกประเภท ด้วยทีมงานมืออาชีพ ประสบการณ์สูง 
        ควบคุม งานโดยวิศวกรโยธา
_________________________________________________________________________________   
   สัญญารับสร้างบ้าน ในวงการธุรกิจก่อสร้างทุกชนิด ปัญหาที่มีอยู่มากมายหลายอย่างซึ่งอาจนำไปสู่ข้อพิพาท ความขัดแย้ง จนถึงขั้นทิ้งงานก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพื่อป้องกันปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นตามมาคือ สัญญาก่อสร้าง ที่ต้องไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาเปรียบกันมากเกินไป ซึ่งเราชอบเรียกกันว่าสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ดังนั้น สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านจึงมีมติที่จะร่างสัญญามาตรฐานขั้นต้น เพื่อเป็นกรอบหรือเกณฑ์ ที่มีความประสงค์จะปลูกสร้างบ้านกับบริษัทหรือเอกชน

      สัญญาก่อสร้างควรมีส่วนประกอบที่สำคัญ ดังนี้ 
      1.  กำหนดระยะเวลาการก่อสร้างที่ชัดเจน มีการกำหนดวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของสัญญารวมทั้งอัตราค่าปรับในกรณีที่ไม่สามารถส่งมอบงานได้ตามสัญญาในทางปฏิบัติปัญหาแห่งความล่าช้าอาจเกิดจากผู้ว่าจ้างหรือผู้รับจ้างก็ได้
      2.  การชำระค่างวด ถือเป็นหมวดที่สำคัญที่สุด  ซึ่งหากไม่สอดคล้องสัมพันธ์กันระหว่างเงินกับงาน อาจทำให้เกิดการทิ้งงานในระหว่างการก่อสร้างได้ง่าย การแบ่งชำระค่างวดจะขึ้นอยู่กับ ขนาด จำนวนชิ้น รูปแบบรวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยในการทำงานก่อสร้างที่แตกต่างกัน
      อย่างไรก็ดี ขั้นต้นสัญญาอาจแบ่งกันได้ 8-9 งวด แต่ควรมีรายละเอียดของงานขั้นต้นในกรอบการพิจารณา ดังนี้
        2.1  งวดทำสัญญา /วางมัดจำ ไม่เกิน
        2.2  หมวดงานโครงสร้าง ประกอบด้วย เข็ม ฐานราก ตอม่อ คาน เสา โครงหลังคา 
        2.3  หมวดงานสถาปัตยกรรม  ประกอบด้วย มุงหลังคา ก่ออิฐ วงกบ ฉาบปูน  
        2.4  หมวดงานระบบ  งานตกแต่ง ประกอบด้วย ไฟฟ้า ประปา ประตู หน้าต่าง ฝ้า เพดาน งานพื้นผนังสี เบ็ดเตล็ด

      3.  หน้าที่และความรับผิดชอบ ต้องมีการระบุหน้าที่ และความรับผิดชอบที่ชัดเจนระหว่างผู้ว่าจ้างกับผู้ว่าจ้าง จนกว่าจะมีการส่งมอบงาน  เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น การเพิ่ม/ลดงาน รวมถึงสเปควัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาใช้ในการก่อสร้าง ใครเป็นเป็นผู้จัดหา และคุณภาพต้องอยู่ในระดับใด
      4.  การบอกเลิกสัญญา และการเรียกค่าเสียหาย ซึ่งควรมีการระบุว่าในกรณีใดบ้าง ที่ต่างฝ่ายต่างสามรถบอกเลิกสัญญากันได้ ซึ่งถือเป็นความยุติธรรมของทั้งสองฝ่าย
      5.  เรื่องการรับประกันผลงาน แต่ละบริษัทอาจกำหนดเงื่อนไขการรับประกันผลงาน แตกต่างกัน แต่ต้องมีการรับประกันผลงานที่ชัดเจนว่ารับประกันอะไรบ้าง ระยะเวลานานเท่าไหร่ ด้วยเงื่อนไขอะไรบ้าง
      สัญญาที่เป็นธรรมจริงๆ เกิดขึ้นได้ยากมาก เพราะฝ่ายผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง ย่อมมีมุมมองที่แตกต่างกันสุดท้ายสิ่งที่ผู้ว่าจ้างควรนำมาประกอบการพิจารณา คือ อายุบริษัท ผลงานที่ผ่านมาของบริษัทอายุที่ยาวนาน มีประสบการณ์ รวมถึงมีคุณธรรม มิฉะนั้นคงไม่สามารถนำมาพาบริษัท ฯ เติบโตจนถึงปัจจุบันได้ในวันนี้ 
_________________________________________________________________________________
G&G All Engineering Co.,LTD
รับสร้างอพาร์ทเม้นท์ รับสร้างบ้าน และอาคารทุกประเภท
Email : gg.allengineer@gmail.com  /  www.ggallengineer.com  /  https://www.facebook.com/ggeconstruction/

วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การเตรียมตัว เตรียมใจ ของเจ้าของบ้าน

G&G All Engineering Co.,LTD
บริษัท จี แอนด์ จี ออลล์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
        รับสร้างอพาร์ทเม้นท์ รับสร้างบ้าน และอาคารทุกประเภท ด้วยทีมงานมืออาชีพ ประสบการณ์สูง 
        ควบคุม งานโดยวิศวกรโยธา
_________________________________________________________________________________
        การสร้างบ้านมีปัญหาค่อนข้างมาก  ด้วยเหตุนี้  เจ้าของบ้านจึงให้บริษัทรับสร้างบ้าน หรือผู้รับเหมา ช่วยรับปัญหาต่าง ๆ ไปแทน  แต่ก็ได้เพียง 90% เท่านั้น  อีก 10% ก็อาจทำให้เจ้าของบ้านรำคาญใจ  แต่จริง ๆ  เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ในการทำงานก่อสร้าง  ซึ่งเจ้าของบ้านควรรับรู้  และทำใจไว้ก่อน  อาทิเช่น

      1. เรื่องเกี่ยวกับราชการ
      - การสร้างตาม พรบ. ก่อสร้าง
      - การขออนุญาตก่อสร้างล่าช้า
      - การสร้างผิดแบบ ผิด พรบ.
      - การร้องเรียน เสียงดังรบกวน,ฝุ่น,หน้าบ้านเลอะเทอะ  ของตกหล่นบ้านข้างเคียง เศษวัสดุต่าง ๆ
      - การขอเลขที่บ้าน การขอไฟฟ้า การขอประปา
      - เทศกิจมาตรวจ  แจ้งเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ
      - การล่าช้าของการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการ  เพราะทางผู้รับจ้างเร่งรัดมากไม่ได้
      - ชื่อในโฉนด และในใบอนุญาตขอปลูกสร้างบ้านไม่ตรงกัน ควรดำเนินการแก้ไขให้ตรงกันก่อน

      2. สถานที่ก่อสร้าง
      - กฎระเบียบของหมู่บ้าน เจ้าของบ้านต้องมีการติดต่อก่อน
      - ทางแคบ ถนนไม่ดี  การขนส่งวัสดุต้องใช้รถคันเล็ก การสั่งของเข้าไซส์งานล่าช้า  ไม่ได้ทันใจ
      - สร้างบ้านเต็มพื้นที่  ไม่มีที่เก็บของ  หรือที่พักคนงาน  ต้องหาที่เช่าให้ผู้รับจ้าง
      - ขัดแย้งบ้านข้างเคียงเรื่องแนวเขตที่ดิน ต้องเสียค่ารังวัด ขัดแย้งเรื่องฝุ่นละออง เสียงรบกวน ถนนชำรุด ฯ
      - ที่ดินมีขยะ หรือต้นไม้ หรือบ้านเก่า ต้องเสียค่าใช้จ่ายรื้อถอน
      - การถมดิน กรณีที่ดินต่ำกว่าถนน มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

      3. การทำงานผิดพลาด
      - ทำงานผิดแบบหรือผิดขั้นตอน ( มีจุดระวังผิดพลาด ประมาณ 400 จุด ทำผิดพลาดเพียง 5% หรือ 20 จุด เป็นเรื่อง ปกติของการก่อสร้าง แต่เป็นเรื่องใหญ่ของเจ้าของบ้าน )
      - แบบเขียนไม่ละเอียด หรือเขียนผิด ( ปกติทุกหลังจะมีการแก้ไขประมาณ 2% อยู่แล้ว )
      - วัสดุเสียหายปูนแข็งตัวก่อนใช้งานวัสดุเหลือเศษมากเกินไป ใช้วัสดุสิ้นเปลืองเกินไป
      - ช่างทำงานผิดพลาด  มีการหักเงิน  ช่างไม่พอใจ  หนีงาน  ต้องหาช่างใหม่  เสียเวลา และค่าใช้จ่ายเพิ่ม
      - โฟร์แมนตรวจงานผิดพลาด ต้องมีการเปลี่ยนโฟร์แมนใหม่เข้าไปดูงานแทน เสียเวลาเพิ่ม



      4. การเลือกวัสดุ 
      - ส่วนใหญ่เจ้าของบ้าน จะมีการเปลี่ยนวัสดุจากมาตรฐานของบริษัท  เป็นแบบตามที่ตนพอใจอยู่แล้ว  เช่น ประตู หน้าต่าง บานพับ ลูกบิดสุขภัณฑ์ โคมไฟ กระเบื้อง ปาร์เก้ ไม้บันได สีทาบ้าน ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ราวระเบียง บล็อคแก้ว ซึ่งเจ้าของบ้านต้องคัดเลือกเอง อาจทำให้งานล่าช้า หรือมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ต้องเตรียมใจในเรื่องนี้ด้วย
      - การเลือกวัสดุควรเลือกล่วงหน้าไม่เกิน  2  เดือน ต้องระวังเรื่องที่เก็บวัสดุ วัสดุตกรุ่น หรือวัสดุขาดตลาด
      - ลูกค้าควรเตรียมข้อมูลเรื่องวัสดุ-อุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนแต่เนิ่นๆ จะได้เตรียมตัวทันเมื่อถึงเวลาทำงานจริง
      - กรณีที่เจ้าของบ้านสรุปรายการเลือกวัสดุล่าช้า  หรือ ช่างทิ้งงาน อาจทำให้การก่อสร้างหน้างานล่าช้าไปด้วย   ต้องมีการยืดหยุ่นเวลาการทำงานให้กับบริษัท

      5. การเปลี่ยนแปลงระหว่างก่อสร้าง
      - ถึงแม้ว่ามีการปรับแบบ  หรือมีมัณฑนากรช่วยแล้ว  แต่เมื่องานก่อฉาบเสร็จ  จะเห็นพื้นที่ใช้สอยจริง  ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีการแก้ไขตามจินตนาการของเจ้าของบ้าน ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
      - งานที่ในแบบมี  แต่ในสเปคไม่มี  เจ้าของบ้านต้องจ่ายเงินเพิ่ม
      - การเปลี่ยนแปลงงานระหว่างก่อสร้างบางงาน หากเจ้าของบ้าน ไม่สรุปรายการให้ทางบริษัทแต่เนิ่นๆ  อาจทำให้งานล่าช้าได้  เกิดเนื่องจากปัจจัยภายนอกหลายด้านที่ไม่ทราบล่วงหน้า เช่น วัสดุหายาก ขาดช่างฝีมือเฉพาะด้าน วัสดุยกเลิกการผลิต เป็นต้น

      6. ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องช่าง / ผู้รับเหมา
      - ช่างหรือผู้รับเหมา ก่อนรับเข้ามาได้มีการอบรมหัวหน้าทุกชุดแล้ว แต่ช่างแต่ละชุดมีการเปลี่ยนลูกน้องเป็นประจำ จึงอาจเกิดปัญหาได้
      - ช่างส่งเสียงดัง ทะเลาะวิวาท เพราะช่างส่วนใหญ่ความรู้ต่ำ ชอบกินเหล้า เล่นการพนัน ถึงแม้จะมีข้อห้าม
      - ช่างต่างด้าว สื่อสารภาษาไม่ดี ตำรวจตรวจค้น
      - ช่างยืมเงินเจ้าของบ้าน (อ้างไม่จ่ายค่าแรง เจ้าของบ้านควรสอบถามทางบริษัทก่อนไม่ควรให้ยืม)
- ช่างแฝงตัวมาทำงาน ( ให้ร้ายบริษัท เพื่อตัดงานไปทำเองโดยตรง ทำให้เจ้าของบ้านมองบริษัทในแง่ลบ ควรสอบถามบริษัท เพื่อหาข้อเท็จจริง )
      - ช่างรับงานกับเจ้าของบ้านเอง เจ้าของบ้านให้ทำงานนอกเหนือสัญญา ทางบริษัทไม่ห้าม  แต่ต้องแจ้งทางบริษัทก่อน ข้อเสียคือ เจ้าของบ้านไม่กล้าติงานช่าง งานไม่เรียบร้อย และยอมรับงาน เพื่อช่างจะได้รับเงินค่าแรงก่อน เกรงใจช่าง และรับเจรจาต่อรองกับบริษัทแทนช่าง  แต่พอมีปัญหากับช่างเรื่องงาน  เรื่องเงิน ช่างจะแกล้งทำงานเสียหาย  หรือขโมยของเจ้าของบ้าน  และทางเจ้าของบ้าน  ก็จะให้บริษัทช่วยเหลือ หักเงินช่าง ไล่ออก ทำให้ความ สัมพันธ์ระหว่างเจ้าของบ้าน กับ บริษัทไม่ราบรื่น และงานสะดุด หรือมีงานเสียหายเกิดขึ้น สุดท้ายก็จะให้บริษัทเก็บงานให้ใหม่  ซึ่งที่จริงเจ้าของบ้านต้องรับผิดชอบเอง
      - ช่างอาจเบิกเงินไป ( เนื้องานไม่สัมพันธ์กับเงินที่ตั้งเบิก ตั้งเบิกมากเกินเนื้องานที่ทำไป )
      - ช่างทำงานผิดพลาด ทำงานไม่ครบทุกขั้นตอน ต้องแก้ไข หรือทำผิดแบบผิดสเปค
      - ช่างขโมยของบริษัท หรือของเจ้าของบ้าน ( เจ้าของบ้านไม่ควรเอาวัสดุไปเก็บไว้ในไซส์งาน )
      - ช่างให้ร้ายบริษัท เจ้าของบ้านควรสอบถามข้อเท็จจริงจากทางบริษัทก่อนสรุป
      - ปัญหาช่างเก่งๆ   คือ  ต่อรองเก่ง เผด็จการ ไม่ง้องาน มนุษยสัมพันธ์ไม่ดี เชื่อมั่นตัวเอง พูดไม่น่าฟัง
      - ช่างชอบให้เจ้าของบ้านเจรจากับบริษัทเพื่อขอรับเงินโดยตรงจากเจ้าของบ้าน  เพราะทางบริษัทจะตรวจสอบละเอียด งานแล้วเสร็จจึงจ่าย และมีการหักเงินค่าประกันผลงาน หรือหักเงินค่าวัสดุเสียหาย หรืองานอื่นเสียหาย
      - เจ้าของบ้านระบุช่างที่ต้องการให้ทำงาน  แต่พอทำแล้วงานออกมาไม่ดี  ก็ผลักความรับผิดชอบให้บริษัท


      7. งานเก็บ งานนอกเหนือสัญญาจ้าง  เมื่อสร้างบ้านเสร็จ  เจ้าของบ้านต้องมาเหนื่อยกับการเก็บงานก่อนเข้าอยู่
      -  งานรั้ว
      -  งานถนน
      -  ลานซักล้าง
      -  ตกแต่งสวน
      -  ติดตั้งของตกแต่งบ้าน
      เพื่อจะได้พร้อมเข้าอยู่  ซึ่งส่วนมากเจ้าของบ้านจะใช้ช่างในไซส์งานทำงานให้  เจ้าของบ้านจึงผูกมิตรกับช่าง  เพื่อ ให้ช่างเก็บงานให้ ( เจ้าของบ้านต้องฟังข้อมูลจากช่างและบริษัท ควบคู่กันไป ก่อนพิจารณาว่า ฝ่ายใดให้ข้อมูลผิด )

      8. การทำงานไม่ต่อเนื่อง ตอนบ้านใกล้เสร็จ
      - การนัดหมาย ในงานก่อสร้าง การล่าช้า 3-7 วัน เป็นเรื่องปกติ
      - เจ้าของบ้านจะรำคาญใจ ใจร้อน อยากเข้าอยู่ไวๆ เห็นช่างว่างงานหรือไม่มีช่างทำงานก็จะร้อนใจ
      - บริษัทส่วนใหญ่ใช้ช่างเฉพาะด้าน ช่วงข้อต่อการเข้างานของช่าง จะใช้เวลา 3-7 วัน เพราะช่างมืออาชีพ จะมีการเข้าตรวจหน้างาน เตรียมความพร้อมก่อน เมื่อเข้างานแล้วจะดำเนินการทันที ไม่ปล่อยให้ลูกน้องว่างงาน
      - งานงวด 1-6 ใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 4-6 เดือน  งวดงาน 7-10 ใช้ระยะเวลาประมาณ 4-6 เดือน  แล้วแต่ขนาดของบ้าน
      - การเก็บงานต้องใช้ช่างที่มีประสบการณ์ ในการเก็บงานที่ไม่เรียบร้อย จึงต้องมีการรอคิวงานช่าง  ถ้าใช้ช่างที่ไม่มีประสบการณ์ หรือฝีมือไม่ดี ไปเก็บงาน ก็จะทำให้งานเสียหายมากกว่าเดิมได้


      9. การเข้าไซส์งาน ควรหลีกเลี่ยง ดังนี้
      - อย่าเข้าไปไซส์งานตอนกลางคืน
      - ถ้าเป็นสุภาพสตรี ไม่ควรเข้าไปคนเดียว และอย่านำเด็กเล็ก เข้าไปวิ่งเล่นในไซส์งาน
      - ควรใส่หมวก และรองเท้า ที่สามารถป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุได้
      - ลดการโต้แย้งกับช่างหน้างาน ( เพราะช่างอาจควบคุมอารมณ์ไม่ได้  ถ้ามีงานแก้ไขให้แจ้งผู้รับจ้าง )

      10. การสอบถามเรื่องงาน ( ความคืบหน้าของงาน การแก้ไขงาน หรือ อื่นๆ )
      - ควรสอบถาม โฟร์แมน   ------ วิศวกร-------- ผู้จัดการฝ่ายก่อสร้าง ของบริษัทตามลำดับ
      - ควรสอบถาม ช่างหน้างาน ควรเป็นหัวหน้าช่าง และควรถามช่างที่ทำงานนั้น  อย่าถามช่างผิดแผนก
_________________________________________________________________________________
G&G All Engineering Co.,LTD
รับสร้างอพาร์ทเม้นท์ รับสร้างบ้าน และอาคารทุกประเภท
Email : gg.allengineer@gmail.com  /  www.ggallengineer.com  /  https://www.facebook.com/ggeconstruction/